เมื่องานเฉลิมพระชนมพรรษาของข้าพเจ้าในปี พ.ศ. 2466 ข้าพเจ้าได้จัดพิมพ์ กาพย์มงคลสูตร์ขึ้นเป็นหนังสือ, สำหรับข้าพเจ้า ให้เป็นของตอบแทนแก่ญาติมิตรบางคนที่ได้ให้ของแก่ข้าพเจ้า. ในงานนั้นเช่นที่เคยมา, กับแจกอันโตชนและบริวารที่ได้รับใช้ข้าพเจ้า. ผู้ที่ได้รับแจกหนังสือมงคลสูตร์นั้นไปแล้วได้แสดงความพอใจ และกล่าวว่าใคร่จะให้มีหนังสืออันเป็นธรรมบรรยาย แจกใน พ.ศ. 2467 นี้อีก ข้าพเจ้าจึงได้คิดเลือก ฟั้น อยู่ว่าจะแต่งอะไรดี เผอิญในต้นปีนี้ได้มีอันโตชนของข้าพเจ้าตั้งปุจฉาขึ้นว่า, “พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร?” ผู้ที่ถามข้อนี้มิใช่ว่าจะเป็นผู้ที่ไม่ได้เคยศึกษาในทางพระศาสนาเสียเลยทีเดียวก็หามิได้ แต่หากหนังสือเรียนต่างๆ ที่ได้ถึงมือ และได้อ่านมาเป็นหนังสือที่แต่งโดยสำนวนโวหาร อันผิดกลับที่ผู้ถามได้เคยใช้ หรือเคยฟังอยู่ โดยปกติ จึงทำให้เข้าใจไม่แจ่มแจ้งข้อนี้เองทำให้ข้าพเจ้าเกิดนึกขึ้นว่าน่าจะมีคนอีกเป็นอันมาก ที่มีความศึกษาแล้วและมีใจศรัทธาอยู่แล้วในพระพุทธศาสนา แต่ไม่ได้รับคำอธิบายอย่างง่ายๆ พอที่จะให้เข้าใจซึมทราบในธรรมอันเป็นหลักของพระพุทธศาสนา จึงคล้ายผู้ที่เดินทางอยู่ในที่มืด ถึงแม้จะรู้แล้วว่าแสงสว่างมีอยู่ข้างหน้าก็ยังไม่สามารถที่จะเดินไปให้ถึงแสงสว่างอันปรารถนานั้นได้เพราะขาดคนนำทาง หลายปีมาแล้วข้าพเจ้าได้เคยพยายามกระทำตนเป็น ประดุจผู้ถือประเภทสองหนทางให้ญาติมิตรสหายมีโอกาส เดินไปสู่แสงสว่างอันเขาทั้งหลายสว่างอยู่ อนุสาสนีชุด นั้นข้าพเจ้าได้ขนานนามไว้ว่า “เทศนาเสือป่า” ซึ่งได้พิมพ์จำหน่ายแพร่หลายมากแล้ว และข้าพเจ้ายินดีที่ได้ทราบว่าหนังสือนั้นได้ทำให้คนเข้าใจแจ่มแจ้ง และเอาใจใส่ในทางพระศาสนายิ่งขึ้นผู้ที่ได้อ่าน “เทศนาเสือป่า” นั่นแล้วคงจะจำได้อยู่ว่ากัณฑ์สุดท้ายของข้าพเจ้าได้กล่าวถึงจตุราริยสัจโดยย่อ และได้กล่าวไว้ข้างท้ายว่าถ้ามีเวลาก็จะได้อธิบายในเรื่องนั้นโดยพิสดารขึ้นอีก ที่ข้าพเจ้าไม่ได้อธิบายต่ออีกนั้นเพราะได้มีเหตุการณ์บางอย่างอันไม่จำจะกล่าวถึงในที่นี้ บังคับให้ข้าพเจ้าต้องระงับการแสดงเทศนาแก่เสือป่าตามที่คิดไว้ แล้วต่อมาก็เลยไร้โอกาสที่จะแสดงอีก มาถึงการบัดนี้ความจำเป็นที่บังคับให้ข้าพเจ้าต้องระงับการแสดงเรื่องพระศาสนาก็ได้สิ้นไปแล้วและอาศัยเหตุที่ได้ มีผู้ตั้งปุจฉาขึ้น ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ข้าพเจ้าจึงได้จับเรียงหนังสือขึ้นข้าพเจ้าขอกล่าวแก่ท่านผู้เป็นนักธรรมและเป็นผู้ศึกษาในทางศาสนาว่าข้อความที่ข้าพเจ้าเขียนในหนังสือนี้เป็นอัตโนมัติของข้าพเจ้าโดยมากฉะนั้นถ้าหากว่าท่านพบข้อความใดๆ ที่ไม่ตรงกับความเห็นของท่าน ณ บทใดบทหนึ่งก็ดีขอ เมตตาคุณ กรุณาคุณ และขันติคุณ จงโปรดให้อภัยแก่ข้าพเจ้าผู้มีสติปัญญาน้อย อนึ่ง หนังสือนี้ข้าพเจ้าได้กล่าวแล้วว่า ตั้งใจเรียนขึ้นเป็นญาติพลีและมิตรพลี ฉะนั้นขอญาติมิตรผู้รับหนังสือนี้ไปแล้ว จงตั้งใจระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย แล้วและกระทำสักการบูชาอย่างสูงสุดด้วยเถิด ในที่สุดข้าพเจ้าขออำนวยพรแก่ท่านทั้งหลายผู้มีจิตต์ไมตรีต่อข้าพเจ้า ผู้มุ่งดีต่อท่าน.
“ สกoกตoวาพุทoธรตนo โอสถo อุตoตมo วรo
หิตo เทวมนุสoสานo พุทoธเตเชน โสตoถินา
นสoสนoตุปทoทวา สพoเพ ทุกoขา วูปสเมนoตุ เต
@ด้วยเหตุกระทำคา- รวะพุทธรัตน์อัน
เป็นโอสถานัน- ยะอุดมประเสริฐศรี
@เกื้อกูลกะเทวา และมนุษนาธาตรี
ขอปวงอุปัทว์มี ทุษะจงพินาศหาย
@ทั้งทุกขะโศกสรร- พะสงบประดุจหมาย
ด้วยเดชขจรจาย ณ พระพุทธองค์นั้นฯ
“ สกoกตoวา ธมoมรตนo โอสถo อุตoตมo วรo
ปริฬาหูปสมนo ธมoมเตเชน โสตoถินา
นสoสนoตุปทoทวา สพoเพ ภยา วูปสเมนoตุ เต”
@ด้วยเหตุกระทำคา- รวะธรรมรัตน์ อัน
เป็นโอสถานัน- ยะอุดมประเสริฐคุณ
@อันช่วยระงับจิต- ตะกระวนกระวายวุ่น
ขอปวงอุปัทว์จุน ทุษะจงพินาศหาย
@ทั้งภัยพิบัติสรร- พะสงบประดุจหมาย
ด้วยเดชขจรจาย ณ พระธรรมะเลิด นั้นฯ
“ สกoกตoวา สัฆรตนo โอสถo อุตoตมo วรo
อาหุเนยoยo ปาหุเนยoยo สัฆเตเชน โสตoถินา
นสoสนoตุปทoทวา สพoเพ โรคา วูปสเมนoตุ เต”
@ด้วยเหตุกระทำคา- รวะสงฆรัตน์ อัน
เป็นโอสถานัน- ยะอุดมประเสริฐพร
อันควรจะบูชา ประจุคมประณมกร
ขอปวงอุปัทว์จุน ทุษะจงพินาศหาย
@ทั้งโรคะพาธสรร- พะสงบประดุจหมาย
ด้วยเดชขจรจาย ณะพระสงฆะหมู่ นั้นฯ