< หน้าหลัก / หนังสือหายากอิเล็กทรอนิกส์ / บทเรียนด้วยตนเอง เล่ม 1 >

บทเรียนด้วยตนเอง เล่ม 1

บทเรียนด้วยตนเอง เล่ม 1

เนื้อหาอย่างย่อ

ในสมัยที่กลุบุตรยังศึกษาเล่าเรียนอยู่ในโรงเรียนนั้นเป็นเหมือนการเตรียมอาหารจะเอาไปบริโภคในวิถีแห่งชีวิต ที่จะเปนไปในภายหน้า เพราะเหตุนี้จึงเป็นหน้าที่ของครูอาจารย์ทั้งหลาย ที่จะต้องจ่ายสรรพอาหารต่างๆ ซึ่งตนมีอยู่ ให้แก่นักเรียนผู้จะจากไปโดยพร้อมเพรียง เช่น เมื่อนักเรียนไล่ได้จนจบแล้ว จะลาออกไปหัดเปนแพทย์ทั้งสิ้นดังนี้ จำเปนที่ครูจะต้องสอนนักเรียนในจำพวกนั้นให้มีความรู้ในวิชารสายนศาสตร์ และศริรวิทยาตามสมควร อันที่จริงก็ยังไม่มีครูใดในโลกนี้ ซึ่งสามารถรู้ล่วงหน้าในทางทำมาหากินของนักเรียนได้ โดยถ่องแท้ เพราะมีอยู่มากมายหลายชนิดนัก เช่น ทหาร, อาจารย์, เสมียน, ช่างเขียน, ช่างทอง, หมอยา, และหมอความ เปนต้น ถึงหากว่าครูจะสอนให้รู้ในวิชาเหล่านี้ไว้บ้างเป็นเลาๆ ก็คงไม่มีเวลาพอที่จะทำได้ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นหน้าที่ของครูที่จะต้องเตรียมนักเรียนของตัวไว้สำหรับการทุกอย่าง กล่าวคือ ไม่ใช่แต่จะสอนเพื่อให้ออกไปหัดเปน หมอความ หรือหมอยาเท่านั้น แต่เปนหน้าที่ๆ จะสอนให้เปน ชายหญิง ผู้ประกอบไปด้วยความรู้ความสามารถ อาจเปนกำลังพาให้ดำเนินไปในทางทำมาหากินต่างๆ ได้ทุกอย่างทุกชนิด ความหมายของครูที่เป็นเอกนั้นคือ จะต้องยึดถือสิ่งซึ่งเปนประโยชน์ทั่วไป ไม่เฉพาะแต่ว่าสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น เช่น การสอนให้อ่าน, เขียน, และทำเลขที่มีอยู่แล้วทุกๆ โรงเรียน เปนต้น ถ้าความหมายเปนเช่นที่ว่ามานี้จริง บทเรียนด้วยของก็เปนวิชาที่ควรสอนในโรงเรียนด้วยเหมือนกัน แต่ถ้าครูใดคิดว่าวิชานี้ไม่ได้ช่วยในการทำมาหากินอย่างหนึ่งอย่างใดแล้ว ก็ขอให้ท่านพึงรู้เถิดว่ากล้ามเนื้อทั้งหลายซึ่งมีอยู่ในกายตัวเรา ย่อมเติบโตและแข็งแรงขึ้นได้ โดยฝึกหัด เพราะฉะนั้นพวกศิวิไลซ์ประเทศจึงคิดให้มีการหัดท่าทางต่างๆ เช่น เล่นชิงช้า, หกคะเมนบนไม้ราว, และแกว่งลูกปืนหรือของหนักๆ ทั้งนี้ใช่เขาหวังจะให้ไปทำอวด เพื่อได้รับเงินทองเปนสินจ้างหรือประกวดประชันกับผู้ใดเมื่อไหร่ แต่ความหมายก็เพื่อจะให้กล้ามเนื้อในกายตัวแข็งแรงและมีกำลังทำการอื่นๆ ได้สดวกขึ้นเท่านั้น ก็เมื่ออวัยวะภายนอกของมนุษย์เติบโตขึ้นด้วยความฝึกหัดแล้ว เหตุใดส่วนวิญญาณภายในจะไม่เจริญขึ้นด้วยความฝึกหัดบ้างเล่า? เท่านี้ก็พอเห็นได้ว่า สรรพความฝึกทั้งหลายย่อมเปนเหตุนำมาซึ่งความเจริญอันไม่มีที่ว่างที่เว้น นักปราชญ์ทั้งหลายได้คิดเห็นแล้วว่า ชัยยาวและสั้นของมนุษย์ย่อมสุดแต่จำนวนของความรู้ในธรรมดามากน้อยเท่าใด ถ้าใครเรียนรู้ไว้มาก ผู้นั้นก็จำจะต้องเชื่อฟังระวังมิให้ทำผิดกฏลงได้ ความรู้ในธรรมดานี้อาจส่อให้เกิดความศุขเปนประโยชน์แก่โลกย์ทั่วไป ในกาลโบราณชาวเราตายปีละมากๆ ทั้งนี้ย่อมเปนด้วยยังไม่มีความรู้ในกฏของธรรมดาพอ แต่ในปัจจุบันนี้ความตายอันร้ายแรงอย่างนั้นดูเหมือนจะถดถอยน้อยลงไปบ้างแล้วก็ว่าได้ แต่ถึงกระนั้นเด็กแดงๆ ที่พึ่งคลอดจากครรภ์มารดาก็ยังไม่สู้จะรอดได้กี่มากน้อย ต้นเหตุสำคัญก็คงเกิดขึ้นจากความเขลาของมารดาที่ให้กินอาหารผิดนั้นเองถึงพวกผู้ใหญ่ชายหญิงก็ยังคงตายอยู่ปีละมากๆ เหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าถ้าไปอยู่ในที่ซึ่งเต็มไปด้วยของสกปรกโสมมและเน่าเปื่อยอย่างนั้น หรือบริโภคอาหารที่เสียอย่างนี้เข้าไปแล้ว จะเกิดผลอย่างไรแก่ตัวบ้าง ความรู้ในธรรมดาของสิ่งทั้งปวงย่อมเป็นรากแก้วของวิชาต่างๆ ซึ่งตกอยู่ในมือชาวศิวิไลซ์ประเทศ ถ้าท่านผู้ใดคิดเห็นว่าควรจะนำวิชาอื่นๆ เข้ามาสอนในโรงเรียนเพื่อความเจริญของบ้านเมืองแล้ว ความรู้ในธรรมดาของสิ่งทั้งปวงก็คงจะแอบเข้าไปได้ด้วยเหมือนกัน ผู้ที่จะยอมตัวเข้าศึกษาในวิชาชนิดนี้ จะต้องประกอบไปด้วยความอุสาหดำริห์หาความจริงโดยเลอียด แล้วเปรียบเทียบดูให้ถ่องแท้ ในที่สุดก็ต้องคิดแยกออกเปนพวกเปนหมู่ และการที่ใช้ความคิดค้นหาความจริงฉะนี้ก็เช่นเดียวกับลับสมองให้คมหรือชุบให้กล้าขึ้นเหมือนกัน การเรียนรู้ในธรรมดาใช่จะเป็นประโยชน์ตามที่กล่าวมาแล้วเท่านั้นก็หามิได้ ยังแถมให้ผลเพิ่มความสนุกสำราญของผู้ที่เรียนรู้นั้นอีกเปนอันมาก เช่นคนที่ไม่ได้เคยศึกษาในวิชาภูมิศาสตร์ ก็จะแลเห็นแผ่นดินมีหน้าแบนเรียบไปเท่านั้น ไม่เปนการประหลาดอะไรนัก ถ้าผู้ที่ชำนาญในปราณวิทยาหรือพฤกษศาสตร์แล้ว ดูเหมือนพื้นแผ่นดินทั่วทุกแห่งกลายเปนตัวหนังสือเขียนบอกเรื่องไว้จะแจ้งจะไปเที่ยวในที่ใดๆ ก็ไม่ต้องหอบหนังสือเล่มๆ ไปอ่านแก้รำคาญให้หนักมือ เพราะมีอยู่ทั่วทุกตำบลแล้ว ใบหญ้าตะใคร่น้ำลำธารนกและผีเสื้อใหญ่น้อยซึ่งบินผ่านไปมาตามหนทาง ย่อมทำให้ผู้รู้มีความศุขสำราญในใจอยู่เสมอ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ถ้าตามความเห็นของคนสามัญก็ว่าคล้ายกับรูปภาพแผ่นใหญ่ดาดอยู่บนอากาศ แต่ถ้าแม้นถามนักปราชญ์ดู ท่านคงว่ายิ่งกว่านั้นอีกเปนแน่.


หมวด: หนังสือหายาก
หมวดรอง: -
วันที่รับเข้า: 04/03/2018