ณ กาลนี้ ข้าพเจ้ามีอายุล่วงมาครบ ๖๔ ปีแลย่างเข้าปีที่ ๖๕ เสมอด้วยพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระรามาธิปดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ข้าพเจ้ามีความยินดีนักที่ได้มีอายุยั่งยืนมาโดยสวัสดิภาพ ทั้งมีความนะฤกถึงพระกรุณาคุณแห่งบุพการี อันได้มีมาแล้วเปนอย่างยิ่งนั้นด้วย จึงได้ปรารถนาที่จะบำเพ็ญการกุศลสนองพระเดชพระคุณในพระบาทในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในสิ่งซึ่งเปนสาธารณะประโชรน์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติยศ แลเปนที่รฤกในมงคลอภิลักขิตสมัย

                กำหนดการบำเพ็ญกุศลจะได้มีในวันที่ ๗ พฤษภาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๒ ซึ่งเปนดฤถีบรรจุบรอบบีคำนสณตามสุริยคติกาล อายุข้าพเจ้าครบ ๖๔ ปีแลย่างเข้าปีที่ ๖๕ ในวันนั้น การงานอย่างนี้มีธรรมเนียมดีอย่างหนึ่ง ซึ่งพิมพ์หนังสือแจก ข้าพเจาคิดว่าสมควรจะพิมพ์หนังสือที่เปนพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นแจก เพื่อได้เชิดชูพระเกียรติยศให้ต้องด้วยมงคลสมัย

                จึงได้แจ้งความประสงค์นี้หาฤากัยกรรมการหอพระสมุดสำหรับพระนครขอได้ช่วยเลือกพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๔ ขึ้นพิมพ์ พระเจ้าพรมวงษ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ สภานายกหอพระสมุดวชิรญาณ จึงทรงพระเมตตาแนะนำแลคัดเลือก สำเนาพระราชเลขาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีอยู่ในหอพระสมุดฯ ยังไม่ได้พิมพ์บ้าง แลทั้งที่ได้พิมพ์แล้วแต่แยกกันอยู่ตามเรื่องต่างๆนั้นบ้าง มารวมกันพิมพ์ขึ้นเปนสมุดสำเนาพระราชหัตถเลขา เพื่อตรวจตราอ่านได้ง่านสะดวก ข้าพเจ้ามีความพอใจเห็นชอบยิ่งนัก ด้วยพระราชหัตถเลขาล้วนเปนพระราชนิพนธ์เฉพาะเรื่องๆ ย่อมเปนคุณประโยชน์ในการศึกษาแก่ผู้ได้อ่าน ซึ่งจะได้ทราบพระบรมราโชบายแห่งการณ์บ้านเมือง ทราบพระราชกำหนด พระราชบัยญัติ ราชประเพณี แปลทราบโบราณคดีตลอดจนลักษณศัพท์แห่งภาษา แลอักขระวิธี มีคุณประโยชน์มากมายข้าพเจ้าจึงขอรับพิมพ์สมุดสำเนาพระราชหัตถเลขาฉบับนี้ขึ้น เพื่อได้ถวายเจ้านายกับผู้ที่ควรเคาระแลจ่ายแจกแก่ญาติมิตร เปนของสนองไมตรีจิตรส่วนหนึ่ง กับทั้งถวายแก่หอพระสมุดสำหรับพระนครเปนการอุปการแก่หอพระสมุดวชิรญาณ เฉลิมพระเกียรติยศในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกส่วนหนึ่งนั้นด้วย

                ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญครั้งนี้ แก่ท่านทั้งหลายผู้ที่ได้ช่วยงานด้วยไมตรีจิตรกับทั้งผู้ที่ได้อ่านหนังสือนี้ ขอให้ท่านทั้งปวงมีความเจริญยั่งยืนด้วย อายุ วรรณะ ศุขะ พละ จงทุกประการเทอญ.